ฐานการเรียนรู้ มหัศจรรย์ไส้เดือน
การจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“ไส้เดือนดิน” จัดอยู่ในกลุ่มผู้ย่อยสลายซากอินทรีย์ในระบบนิเวศ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ตามที่
อยู่อาศัยและนิสัยในการกินอาหารคือ ไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์และไส้เดือนดิน ที่อาศัยอยู่ ใต้ดินโดยการขุดรูอยู่ โดยไส้เดือนดินที่อยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์จะมีประสิทธิ- ภาพในการย่อยสารอินทรีย์ใน ดินได้ดีกว่า และมีการขยายพันธุ์ที่รวดเร็วกว่าด้วย โดยทั่วไปในธรรมชาติไส้เดือนดินมีอายุที่ยาวนาน ตั้งแต่ 4 – 10 ปีขึ้นอยู่กับชนิดของไส้เดือนดิน แต่เมื่อนำมาเพาะเลี้ยงมักพบว่าไส้เดือนดินมีอายุสั้นลง โดยทั่วไปจะมีอายุเฉลี่ยไม่ เกิน 2 ปี เลี้ยงไส้เดือน เพื่อให้ได้มูลไส้เดือนมาทำปุ๋ยคอก
การเพาะเลี้ยงไส้เดือนส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมเล็กๆมีส่วนน้อยที่มาจากฟาร์มระบบการจัดการที่ดี เพาะการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้าและให้ผลผลิตมาเป็นปุ๋ยได้นั้นต้องมีการคัดเลือกสายพันธุ์ไส้เดือนดิน รวมไปถึงระบบการให้อาหารที่ได้มาตรฐาน อยากได้ธาตุอาหารอะไร ก็ให้ไส้เดือนกินเพื่อเปลี่ยนสารอาหารเหล่านั้นลงไปยังมูลไส้เดือน บ้างก็เลี้ยงด้วยมูลโค รำข้าว กากถั่วเหลือและผลไม้ จึงได้ปุ๋ยอินทรีย์จากธรรมชาติโดยตรง แลดีต่อสิ่งแวดล้อม
พันธุ์ไส้เดือนที่นิยมเลี้ยง
ไส้เดือนดิน พันธุ์แอฟริกันไนท์ครอเลอร์ มีความสามารถในการย่อยสลายที่รวดเร็ว และให้ปุ๋ย
คุณภาพดีเป็นไส้เดือนสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงสูง
ขั้นตอนการเลี้ยงไส้เดือน มี 2 ส่วนสำคัญ
1.บ้านไส้เดือน หรือสถานที่อยู่สำหรับการเลี้ยงไส้เดือน ต้องมีระบบจัดการอย่างดี
2.อาหารไส้เดือน ต้องการธาตุอาหารอะไรสำหรับพืช ก็ให้ไส้เดือนจัดการย่อยสลายอินทรีย์ไปเป็นมูล เพื่อนำไปใช้กับพืชต่อไป
การผลิตปุ๋ยจากมูลไส้เดือน
การทำปุ๋ยมูลไส้เดือน ในเรื่องเพาะเลี้ยงส่วนใหญ่ยังเป็นกิจการเล็กๆ มีส่วนน้อยที่มาจากฟาร์มที่มี
ระบบการจัดการที่ดี เพราะการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อการค้าและให้ผลผลิตเป็น ปุ๋ย นี้ต้องมีการคัดเลือกสายพันธุ์ไส้เดือนดิน ระบบการให้อาหารที่ได้มาตรฐาน อยากได้ธาตุอาหารอะไรก็ให้ไส้เดือนกินและย่อยอาหารที่มีธาตุอาหารนั้นๆ บ้างก็เลี้ยงด้วยมูลโค รำข้าว กากถั่วเหลืองและผลไม้ ปุ๋ยที่ได้จะนำไปเลี้ยงทำปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี และดีต่อสิ่งแวดล้อม
ทำไมต้องปุ๋ยมูลไส้เดือน
หลายคนอ้างว่า ปุ๋ยมูลไส้เดือนดีเพราะ เมื่อไส้เดือนดูดอาหารและผ่านระบบย่อยในลำไส้แล้วออก
มาจะมีโมเลกุลสารอาหารที่เล็กมาก และมีความเย็น พืชสามารถดูดซึมอาหารไปใช้ได้ทันที และมีสารอาหารหลากหลาย ครบและเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของพืชทุกชนิด มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากมาย สิ่งสำคัญมากคือมีฮอร์โมนพืชรวมอยู่ด้วยเป็นของแถมที่วิเศษ เพราะจะไปเร่งให้พืชสร้างรากฝอยมากขึ้น และเมื่อพืชได้รับสารอาหารที่ครบและมากมาย เนื่องจากมีรากฝอยมากขึ้น ดูดอาหารได้มากขึ้น มูลไส้เดือนเป็นธรรมชาติ 100% จะส่งผลให้พืชเติบโตสมบูรณ์แข็งแรงอย่างธรรมชาติ จะทำให้พืชมีความต้านทานทั้งโรคพืชและโรคแมลงตามธรรมชาติตามมาอีกด้วย อีกทั้งยังประหยัดค่ายาฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อต่างๆ
ความรู้เกี่ยวกับ มูลไส้เดือน
มูลไส้เดือนดิน คืออะไร คำตอบคือ สิ่งขับถ่ายภายหลังการย่อยอาหารของไส้เดือนดินที่อุดมไปด้วย
จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตรวมทั้งสารชีวะเคมีที่มีประสิทธิภาพช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีแต่มูลไส้เดือนที่ได้จากต่างสิ่งแวดล้อมย่อมมีคุณภาพแตกต่างกันตามองค์ประกอบอาหารที่ไส้เดือนได้รับ เช่น ในที่กันดารปราศจากอาหารที่มีคุณค่าหรือเศษซากพืชที่ดีย่อมให้มูลไส้เดือนดินที่มีคุณภาพต่ำกว่าจากที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเศษซากพืชหรือมูลสัตว์ที่ไส้เดือนต้องการ
จุลินทรีย์สำหรับดิน คืออะไร คือจุลินทรีย์ที่ดำรงชีพในดินได้แก่ แบคทีเรีย แอมมีบ้า โปรโตซัว
รา นีมาโทด จุลิทรีย์เหล่านี้จะดำรงค์ชีพอยู่ได้ด้วยการย่อยสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในดินเพื่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของมันแต่สิ่งที่เหลือจาการย่อยสลายนั้นคือสารอาหารพร้อมใช้สำหรับรากพืช ในดินที่อุดมสมบูรณ์จะมีจุลินทรีย์ประเภทนี้นับไม่ถ้วนในหนึ่งช้อนชานับเฉพาะแบคทีเรียเพียงอย่างเดียวจะพบว่ามีแบคทีเรียต่างชนิดกันกว่าแสนชนิด จุลินทรีย์เหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการคงอยู่ของสภาพแวดล้อมของโลกเรา มันจะทำหน้าที่ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ตายแล้วให้กลายเป็นสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สำหรับการเจริญเติบโตของพืชต่อไป
ทำไม มูลไส้เดือนดิน จึงมีประโยชน์เหนือกว่าปุ๋ยชนิดอื่น มูลไส้เดือนดิน จะมีจุลินทรีย์หลากหลาย
ชนิดมากกว่าที่พบในปุ๋ยหมักธรรมดา นอกจากนั้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2545 หรือ ค.ศ 2002 ได้มีรายงานการวิจัยพบสารฮอร์โมนสำคัญเพื่อการเจริญเติบโตของพืชในมูลไส้เดือนดินเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้แน่ใจได้ว่าในมูลไส้เดือนดินมีสารต่างๆ คือ ฮิวมัท (humates) ออกซิน (auxins) ไคเนติน (kinetins) จิเบอเรลริล (giberellin) และไซโตไคนิน (cytokinin) เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ปัจจุบันวิทยาศาสตร์เพิ่งเริ่มเข้าใจความสำคัญของสารอินทรีย์เหล่านี้ ว่าทำหน้าที่ต่างๆเช่นกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์พืช ทำให้รากรับอาหารไปใช้ การหันหน้าของดอกไม้เข้ารับแสงแดด ควบคุมความยาวของเซลล์และแม้กระทั่งทำหน้าที่เป็นสารต้านการแก่ตัวของพืชไม่ให้เน่าเปื่อยเร็ว นอกจากนั้นยังค้นพบว่ามีเอนไซม์ไคติเนส (kitinase) ซึ่งสามารถละลายไคตินสารชีวะเคมีชนิดหนึ่งที่ประกอบกันเป็นเปลือกชั้นนอกของแมลง ด้วยเหตุนี้มูลไส้เดือนดินจึงมีฤทธิ์ในการขับแมลงด้วย (insect repellent)
มูลไส้เดือนดิน มีประสิทธิภาพในการระงับโรคและแมลงที่เป็นภัยกับพืช ได้หรือไม่
ได้ เพราะพืชที่ได้รับสารอาหารหลากหลายชนิดตามธรรมชาติ ย่อมเจริญเติบโตแข็งแรงทนทานต่อ
โรค และงามกว่าพืชที่ได้รับสารอาหารจำกัดในรูปสารเคมี เช่น NPK โรคพืชและแมลงจะทำลายเฉพาะพืชที่อ่อนแอ หรือใกล้ตาย มากกว่าพืชที่แข็งแรงและสมบูรณ์ ดังนั้นการใช้สาร NPK ล้วนๆ จึงจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงร่วมด้วยตลอดเวลา
มูลไส้เดือนดิน ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อมหรือไม่
ธุรกิจขายปุ๋ยมูลไส้เดือนปลอดภัยแน่นอน เพราะมูลไส้เดือนดินไม่เป็นภัยต่อเด็ก สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า
และดิน มูลไส้เดือนดินเกิดโดยกระบวนการทางธรรมชาติจากการกินสารอิทรีย์ของไส้เดือนดินไม่มีสิ่งที่เป็นสารสังเคราะห์หรือ ปิโตรเคมีเจือปนแต่อย่างใด ตามความเป็นจริงแล้วได้มีการใช้มูลไส้เดือนในรูปของ worm tea หรือชนิดน้ำในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อ ปุ๋ยน้ำชีวะภาพมูลไส้เดือนดิน ในสหรัฐฯใช้สำหรับปลูกหญ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้นิยมใช้เป็นสารอินทรีย์ขจัดเชื้อราสำหรับพืช ปัจจุบันได้มีการใช้สำหรับสนามหญ้าตามบ้านได้ผลดีกว่าการใช้สารเคมี หญ้างามและสมบูรณ์ลดจำนวนหญ้าตายหญ้าแห้งลงได้และดินมีสภาพอุ้มน้ำได้ดีขึ้น เท่ากับเป็นการลดผลร้ายจากการใช้สารเคมีที่มีต่อน้ำผิวดินและน้ำบาดาล ซึ่งอาจเป็นผลร้ายต่อทุกชีวิต
มูลไส้เดือนดิน มีสารอาหารสำหรับพืชได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ไม่สูงมากนัก ซึ่ง
จะมีเช่นเดียวกับปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไป ที่จะมีสารอาหารดังกล่าวในปริมาณที่ทางราชการกำหนด แต่นี่ก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช เพราะหากมีมากเกินไปอาจเป็นปัญหาสารตกค้างในดินได้ โดยเฉพาะปุ๋ยอินทรีย์มูลไส้เดือนดิน งามดี มีธาตุอาหารเพียงพอ
ประโยชน์ขั้นพื้นฐานของมูลไส้เดือนดินซึ่งในขณะนี้ได้มีการเขียนหนังสือเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้มูลไส้เดือนดิน (vermicast) และน้ำชีวะภาพมูลไส้เดือนดิน (worm tea) และยังมีการศึกษาค้นคว้าระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกอีกด้วย หาอ่านได้จาก Internet มีมากมาย
ประโยชน์พื้นฐานของมูลไส้เดือนดิน
-ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้นโดยทำให้มีการรวมตัวของดินอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ
– เป็นสารอินทรีย์ 100%
-ปลอดสารพิษและพบว่าปริมาณธาตุโลหะหนักในมูลไส้เดือนดินนั้น ต่ำกว่าที่ทางราชการกำหนด
ให้มีได้ถึง 10 เท่า (เป็นการสนับสนุนผลงานค้นคว้าเมื่อปี 2001 โดยคณะนักชีวะวิทยา มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ พบว่าสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิดสามารถขจัดความเป็นพิษของธาตุโลหะหนักได้)
-ไม่ทำให้เกิดรากไหม้ในพืชแม้ใช้ในปริมาณที่มาก
-ปราศจากกลิ่นและมีฤทธิ์ในการดับกลิ่น
-ยับยั้งการเจริญของเชื้อราที่เป็นกับพืชและมีฤทธิ์ในการขับแมลง(ชนิดน้ำตามความเหมาะสม
เท่านั้น)
-ช่วยให้พืชมีการเจริญเติบโตดีขึ้นตามธรรมชาติ
-หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดแมลง และสัตรูพืช
พันธุ์ แอฟริกัน ไนท์ ครอเลอร์ (African Night Crawler ) หรือเรียกว่าพันธุ์ AF
ไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้เป็นไส้เดือนดินสีแดงที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้
รวดเร็วมาก โดยทั่วไปรู้จักกันในชื่อของ แอฟริกัน ไนท์ ครอเลอร์ (African night crawler) สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว มีการเลี้ยงไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้กันอย่างกว้างขวาง ไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้นอกจากนำมาใช้ในกระบวนการผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน ดินแล้วยังมีความเหมาะสมมากในการนำมาผลิตเป็นโปรตีนเสริมสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีขนาดใหญ่และมีอัตราการแพร่พันธุ์ได้สูงมาก แต่มีข้อเสียตรงที่ไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้ทนทานต่อช่วงอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมได้ต่ำ เลี้ยงยาก และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยากด้วย เนื่องจากไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน ซึ่งจะชอบอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง โดยจะเจริญเติบโตได้ไม่ดีในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส และจะตายในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส การเลี้ยงไส้เดือนสายพันธุ์นี้ในประเทศเขตหนาวจะถูกจำกัดการเลี้ยงเฉพาะภายในโรงเรือนที่มีการควบคุมอุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นถึงจะเลี้ยงได้ดี สำหรับการเลี้ยงภายนอกโรงเรือน จะเหมาะสมเฉพาะกับพื้นที่เขตร้อน หรือ กึ่งร้อนเท่านั้น สำหรับในด้านการนำมาใช้จัดการขยะพบว่า ไส้เดือนสายพันธุ์นี้มีความสามารถในการย่อยสลายขยะในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในไทย ตัวใหญ่คัดแยกง่าย ขยายพันธุ์เร็ว กินเก่ง
อุปกรณ์การเลี้ยงไส้เดือน
1. กะละมัง
2. มูลวัวนม
3. ไส้เดือนพันธุ์ AF
หัวใจสำคัญของการเลี้ยงไส้เดือน คือ เบดดิ้ง
เบดดิ้ง คือ ที่พักตัวของไส้เดือน ต้องมีลักษณะ เก็บน้ำได้ดี นานกว่า 1อาทิตย์ โดยอมน้ำไว้ได้นาน โดยดูดซับน้ำได้ดี
ขั้นตอนการทำที่อยู่ไส้เดือน เบดดิ้ง (Bedding)
1.เบ็ดดิ้งแบบช้า คือปุ๋ยหมักทั่วไปเศษวัชพืช ใบไม้ ปุ๋ยขี้วัว ขี้ควาย ที่ผ่านการหมักเพื่อคลายความ
ร้อนอย่างน้อย 1 – 2 เดือนไปแล้ว จึงนำมาใช้ในการเลี้ยงไส้เดือนได้ เนื่องจากไส้เดือนไวต่อความเป็นกรดเป็นด่างมาก จึงต้องระวังเรื่องความร้อนของ เบ็ดดิ้งให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นไส้เดือนจะอยู่ไม่ได้หนีจากที่เลี้ยง
2. เบ็ดดิ้งแบบเร็ว คือใช้ขี้วัวแห้ง นำไปแช่น้ำ 2 – 3 วัน นำขึ้นมาพักในที่ร่มประมาณ 2 – 3ชั่วโมง
แล้วนำมาใส่ภาชนะสำหรับเลี้ยงไส้เดือนได้ทันที
วิธีการเลี้ยงไส้เดือน
1. นำเบดดิ้ง ที่ทำไว้ มาใส่กะละมัง ประมาณครึ่งกะละมัง แล้วทำหลุมกลมๆไว้ตรงกลางเพื่อเอาไว้ปล่อยไส้เดือน
2. นำไส้เดือน ประมาณ 3 ขีด ลงไปในหลุมที่เตรียมไว้
3. อาหารไส้เดือน ถ้าใช้เบ็ดดิ้งแบบเร็ว ตัวไส้เดือนสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหาร โดยไส้เดือนจะกินขี้วัวนั่นเอง ส่วนอาหารไส้เดือนที่ใช้เลี้ยงคือผักต่างๆ ในครัวเรือน ผลไม้ต่างๆ สับย่อยให้ขนาดเล็ก จะทำให้ไส้เดือนกินหมดเร็วขึ้น
การเก็บมูลไส้เดือน
1. ไส้เดือนจะทำการขี้ทุกวัน ใช้เวลาในการเลี้ยงประมาณ 30 วัน ไส้เดือนจะกินขี้วัวจนหมด จึงทำการเก็บมูลไส้เดือนนำไปใช้ได้
2. ไส้เดือนจะต้องย้ายเบดดิ้งใหม่ และเพิ่มจำนวนกะละมัง ตามมาตราฐาน


